สร้างคุณค่า ให้เวลาแก่ครอบครัว
สร้างคุณค่า ให้เวลาแก่ครอบครัว
เดือนเมษายนของทุกปี นับเป็นเดือนของครอบครัวโดยแท้
นอกจากวันที่ 14 เมษายน ที่ผ่านมาจะเป็น วันครอบครัว แล้วเดือนนี้ยังเป็นเดือน ที่มีวันหยุดยาวอยู่หลายวัน อีกทั้งเมื่อต้นเดือนยังมี "วันเช็งเม้ง" ของพี่น้องชาวไทยเชื้อสายจีน ที่มีกิจกรรมให้ไปกราบไหว้ระลึกถึงพระคุณของบรรพบุรุษ ชาวไทยเชื้อสายจีนในไทย ก็แห่กันออกไปตามสุสานต่างๆ ที่ฝังร่างบรรพบุรุษไว้
การมีวันหยุดยาวและการออกไปไหว้บรรพบุรุษเช่นนี้ ทำให้ครอบครัวมีโอกาสใช้เวลาอยู่ร่วมกัน มากขึ้นกว่าปกติ เพราะตามปกติในยุคปัจจุบัน แต่ละครอบครัวมีเวลาอยู่ร่วมกันน้อยลงไปทุกที
โดยเฉพาะในเมืองใหญ่ๆ และในกรุงเทพมหานคร เวลาจะเห็นหน้ากันภายในครอบครัว ยังไม่ค่อยจะมี เพราะแต่ละคนในครอบครัวต่างมีภาระต้องออกไปทำงานหรือเรียนนอกบ้านกันแทบทั้งนั้น
การใช้เวลาอยู่ร่วมกัน จึงเป็นเรื่องสำคัญที่ทุกๆ คน ในครอบครัวควรคิดคำนึงถึงอยู่ตลอดเวลา เพราะการใช้เวลาอยู่ร่วมกัน คือการสร้างสายสัมพันธ์ในครอบครัวได้อย่างดี ช่วยทำให้มีความรักความผูกพันกันมากยิ่งขึ้น
ลองนึกดูว่า ถ้าอยู่ใต้ชายคาบ้านเดียวกัน แต่หาเวลาอยู่ด้วยกันแทบไม่ได้ ต่างคนต่างอยู่แต่ในห้องของตัวเอง เมื่อกลับถึงบ้าน พอเช้าก็ต่างคนต่างออกไปทำงาน บ้านจะเป็นบ้านได้อย่างไร
การไม่เคยเอ่ยวาจาทักทายกันบ่อยๆ ทำให้เขินๆ อยู่เหมือนกัน เมื่อลั่นวาจาคำแรก
การใช้เวลาอยู่ด้วยกันบ้างยังสร้างความเข้าใจให้เกิดขึ้น
ความเข้าใจต้องถือว่าเป็นหัวใจของการอยู่ร่วมกัน
ถ้าขืนไม่เข้าใจกัน การอยู่ร่วมกันก็ลำบาก
แต่การใช้เวลาอยู่ร่วมกัน ก็ควรจะเป็นการใช้เวลาอย่างมีคุณค่า
ไม่ใช่ใช้เวลาอยู่ร่วมกัน แต่ต่างคนต่างมีกิจกรรมทำเป็นส่วนตัว เช่น พ่ออ่านหนังสือพิมพ์ แม่ดูทีวี ลูกเล่นคอมพิวเตอร์
การใช้เวลาอยู่ร่วมกันแบบนี้ จะไม่ค่อยมีความหมาย เพราะเป็นเพียงแค่เห็นหน้ากัน
การใช้เวลาอยู่ร่วมกันของครอบครัวที่มีคุณค่า คือการอยู่อย่างมีกิจกรรมร่วมกัน
เช่น ใช้เวลาดูทีวีด้วยกัน เมื่อมีเรื่องราวที่น่าถกเถียงกัน ก็สามารถใช้เวลาช่วงพักโฆษณาหาเรื่องคุยกันได้ หรือค้นหาเรื่องราวต่างๆ ในเน็ตด้วยกัน
พอถึงวันหยุดสุดสัปดาห์ ก็หากิจกรรมทำร่วมกันทั้งครอบครัว เช่น ไปกราบคุณปู่คุณย่าที่อยู่อีกบ้านด้วยกัน หรือไปเล่นกีฬาด้วยกัน
แม้แต่การนั่งรถไปทำงานหรือเรียนหนังสือ ก็ควรถือเป็นโอกาสพูดคุยกันให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ อย่าบอกเป็นอันขาดว่า ไม่รู้จะคุยอะไร
ในความเป็นจริงนั้นคนเรามีเรื่องคุยกันเยอะแยะ
คุยเกี่ยวกับข่าวที่ฟังจากวิทยุในรถร่วมกันก็ได้ หรือจะคุยกันในเรื่องเพลงที่เปิดฟังในรถก็ยังได้
การบอกว่า ไม่รู้จะคุยอะไร จึงไม่ใช่เรื่องจริง
เรื่องจริงคือไม่อยากคุยกันมากกว่า
การไปเที่ยวต่างจังหวัดหรือการไปเที่ยวต่างประเทศ ก็เป็นการยกเกรดของการใช้เวลาอย่างมีคุณค่าได้เป็นอย่างดี
ที่บอกเช่นนี้ เพราะเวลาไปเที่ยวต่างประเทศ จะมีเหตุผลให้ทำกิจกรรมร่วมกันอย่างสร้างสรรค์เยอะ เช่น เมื่อหลงทาง ทุกคนก็ควรช่วยถามไถ่เส้นทางว่าไปทางไหน หรือเอาแผนที่มาช่วยกันดู
พ่อแม่อาจมีพื้นฐานภาษาอังกฤษน้อย ลูกรู้ภาษามากกว่าก็สามารถช่วยพูดภาษาอังกฤษให้ได้ เพราะศึกษามามากกว่าเวลาชอปปิงเช่นนี้ เป็นต้น
ทุกๆ คนในครอบครัวก็จะใช้เวลาอยู่ร่วมกันอย่างมีคุณค่า เพราะมีการปฏิสัมพันธ์กันอยู่ตลอดเวลา
การช่วยแก้ปัญหาให้กันและกัน ก็จะทำให้เวลาที่จะอยู่ร่วมกันมีคุณค่า
หรือเมื่อลูกเห็นแม่ดูท่าทีเปลี่ยนไปกว่าทุกคน ลูกอาจจะเข้าไปถามว่าแม่มีอะไรไม่สบายใจหรือเปล่า ถ้าแม่มีปัญหาแล้วให้ลูกทราบ ลูกก็นำไปช่วยแก้ไขจนสำเร็จ โดยมีแม่ร่วมมืออย่างดี
สิ่งเหล่านี้ก็จะช่วยให้เวลาที่อยู่ร่วมกันเป็นเวลาที่มีคุณค่า
ยิ่งครอบครัวที่มีปู่ย่าตายายไปจนถึงรุ่นลูกหลานอยู่ด้วยกัน การใช้เวลาทำกิจกรรมร่วมกัน จะเป็นห่วงเวลาแห่งการสร้างสรรค์ได้ดีทีเดียว
ลูกหลานจะได้เรียนรู้สัจธรรมของชีวิตที่ไม่มีใครลิขิตนอกจากตัวเราเอง
ปู่ย่าตายายก็จะได้ให้ข้อคิดความเห็นที่เป็นประโยชน์ของการดำเนินชีวิตแก่ลูกหลาน
เมื่อใช้เวลาอยู่ร่วมกันนานๆ อย่างมีคุณค่า ความรักความผูกพันกันภายในครอบครัว ก็จะไม่รั่วไหลไปไหน
ปัญหาใหญ่คือ เรามักอ้างว่าไม่มีเวลา
ซึ่งแท้ที่จริงแล้ว ทุกคนมีเวลาเท่าเทียมกัน อยู่ที่ว่าคุณจะจัดสรรเวลาอย่างไร
เวลาผ่านไปทุกนาทีย่อมมีค่า แต่จะมีค่ามากกว่าถ้าเราใช้ให้มีคุณค่าเพิ่มขึ้น
ทุกๆ ครอบครัวล้วนต้องการใช้เวลาอยู่ร่วมกันอย่างมีคุณค่า เพียงแต่ไม่รู้ว่าเวลาที่มีคุณค่าเป็นยังไง เราจึงปล่อยให้มันหลุดลอยไปอยู่บ่อยๆ
ใครที่ไม่ค่อยให้เวลากับครอบครัวอย่างมีคุณค่า น่าจะเริ่มต้นตั้งแต่วินาทีนี้ แล้วคุณจะรู้ว่า ความอบอุ่นในครอบครัวเป็นยังไง
พอให้กันได้ไหมเนี่ย
ป.ล. หากคุณคิดว่าเรื่องนี้เป็นประโยชน์
โปรดอย่าเก็บไว้คนเดียว...อย่าลืมส่งต่อให้เพื่อน ๆ ของคุณได้อ่านกัน..
หรือ มาอ่านที่
http://www.citydd.net
..เพื่อสิ่งดี ๆ จะได้เกิดขึ้นในสังคมต่อไป
.