ลูกสาววัย 14 อกหัก
ลูกสาววัย 14 อกหักอกหักไม่ยักกะตาย อาจใช้ได้กับคนที่ยังไม่เคยอกหัก หรือเข้าใจเรื่องของความรักกันแล้ว แต่สำหรับหนุ่มน้อยสาวน้อย ที่เพิ่งย่างเข้าวัยแรกรุ่น แรกรัก แล้วประสบเหตุการณ์อกหักดังเป๊าะ ก็อาจถึงขั้นกินไม่ได้ นอนไม่หลับ แต่คนที่กลุ้มใจยิ่งกว่า คงหนีไม่พ้นพ่อแม่ของหนุ่มๆ สาวๆ เหล่านั้นสิคะ แม้จะนึกโกรธที่ลูกริรักในวัยเรียน แต่ก็ไม่อยากซ้ำเติมให้ลูกเสียไปกว่านี้ เลยเขียนมาปรึกษาวิธีแก้ปัญหา-------------------------------------------------------------------------------- ลูกสาวอายุ 14 ปี มีอาการเซื่องซึมมาเป็นอาทิตย์ กลับจากโรงเรียนจะเก็บตัวอยู่ในห้อง ออก มาเฉพาะตอนกินข้าว แม่ถามก็บอกว่าไม่เป็นอะไร ก็เลยลองโทร. ไปถามเพื่อนลูกดู ทำให้รู้ว่าลูกอกหัก (คือเขามีแฟนอยู่ที่โรงเรียนโดยไม่ได้บอกแม่) ดิฉันรู้ก็ตกใจโกรธอยู่เหมือนกัน แต่ก็ไม่รู้ว่าควรจะทำตัวอย่างไรดี ไม่อยากให้เขาจริงจังกับเรื่องนี้อยากให้คุณหมอแนะนำวิธีพูด และวิธีทำตัวของแม่กับลูกสาวที่เพิ่งอกหักทีค่ะ อารี --------------------------------------------------------------------------------เรื่องลูกสาวอายุ 14 มีแฟน เป็นเรื่องที่พบได้บ่อยพอสมควร ในวัยรุ่นชายหญิงยุคปัจจุบัน คงเพราะสังคมเปิดกว้างมากขึ้น ไม่มีข้อห้ามให้วัยรุ่นชายหญิงพบปะใกล้ชิดกันเหมือนสมัยก่อน ฉะนั้นโอกาสที่จะเกิดความพึงพอใจกันย่อมมีได้สูงขึ้น ทั้งนี้ก็เป็นเรื่องธรรมชาติที่เกิดขึ้นได้ เพราะร่างกายของเขาได้เติบโตมากแล้ว มีความเป็นเพศหญิงเพศชายเต็มที่ หรือเกือบเต็มที่ เป็นอย่างน้อย เขาจึงมีอารมณ์รักชอบหรือสนใจเพศตรงข้ามแน่นอนความรักของวัยรุ่นแรกๆ มักไม่คล่องตัว เดี๋ยวชอบคนนี้เดี๋ยวชอบคนนั้น เดี๋ยวก็เปลี่ยนไป ชอบคนโน้น ยังเอาแน่นอนไม่ได้ มักจะเป็นเพราะตัววัยรุ่นเองก็ยังไม่รู้ว่า จะถูกใจคนแบบไหนกันแน่ บางครั้งหลังจากคบๆ กันไปครู่เดียวอาจเกิดความรู้สึกว่า คนนี้ "ไม่ใช่" เสียแล้ว คือไม่ถูกใจในบางเหตุผล เช่น บางคนพบว่าแฟนสาวมีรสนิยม "ไฮโซ" ซึ่งแฟนหนุ่มรู้สึกไม่ไหวจึงอาจตัดสินใจเลิกคบ เพราะตัวเองอยากเป็นคนธรรมดาๆ หรือบางครั้งแฟนสาวพบว่า ฝ่ายชายมีนิสัยบางอย่างที่วัยรุ่นหญิงซึ่งมีอารมณ์ละเอียดอ่อนกว่า รับไม่ได้ เช่น กินอาหารมูมมาม เคี้ยวอาหารเสียงดัง แถมบางครั้งยังเรอเสียงดังอย่างไม่ระวัง ทำให้ดูเป็นคน "โหลยโท่ย" ไม่น่านิยม ฝ่ายหญิงจึงอาจจะเลิกคบเอาดื้อๆ ได้เช่นกันนอกจากนี้ ที่เคยพบ ยังมีอีกว่า ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไปเจอคนใหม่ที่ถูกใจมากกว่าคนเดิม แม้แฟนคนเดิมจะไม่มีข้อติอะไรชัดๆ ก็อาจถูกทิ้งได้เช่นกัน เพราะวัยรุ่นเขายังลองคบ ลองเลือกกันอยู่ว่าจะคบกันได้ยั่งยืน ยาวนานหรือไม่ ถูกใจแค่ไหน แต่วัยรุ่นจำนวนไม่น้อย ไม่ทราบธรรมชาติข้อนี้ของวัยเขาด้วยซ้ำ แล้ววัยรุ่นบางคนเกิดเป็นคนจริงจัง คบแล้วคบเลย พอถูกเลิกคบจึงเสียใจและเสียความรู้สึกในตัวเอง คืออาจรู้สึกตัวเองไม่มีค่า แฟนจึงไปสนใจคนอื่น หรือรู้สึกว่าตัวเองไม่ดีพอ แฟนจึงเลิกคบ การคิดแบบนี้และมีอาการเสียใจมากๆ สะท้อนให้เห็นว่า วัยรุ่นคนนั้นเป็นคนไม่มั่นใจในตัวเอง การเลิกกับแฟนย่อมจะมีอาการเสียใจ (อกหัก) บ้างเป็นธรรมดา เพียงแต่จะไม่รุนแรงหรือเสียใจนานเกินไป หรือถึงกับส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน เช่น ทำให้เรียนไม่รู้เรื่อง ทำให้เสียหายต่อผลการเรียนสิ่งที่คุณแม่ควรทำ คือขอคุยกับลูกตามลำพังในที่ๆ เป็นส่วนตัว เช่น ในห้องนอนของลูก โดยพูดว่า แม่สังเกตเห็นลูกสีหน้าไม่สบาย หงอยเหงาลงมาก คงมีเรื่องไม่สบายใจเกิดขึ้น แม่อยากให้ลูกเล่าให้แม่ฟัง จะได้ช่วยกันคิดแก้ปัญหา ถ้าลูกยอมเล่าให้ฟัง คุณแม่จะได้ปลอบใจว่า ไม่เป็นไรเป็นเรื่องธรรมดา และลูกยังเด็กอยู่ ยังมีโอกาสพบคนดีๆ คนที่เหมาะสมอีกมาก และในวัยเรียนอยากให้ลูกตั้งใจเรียน การมีแฟนเป็นตัวตนเร็วนักอาจไม่ดี เพราะยังรู้จักคนน้อย อาจเสียโอกาสดีๆ ไป ควรคบกันเป็นเพื่อนไปก่อนให้นานๆ จนกว่าจะแน่ใจในนิสัยใจคอ และรู้จักครอบครัวของเขาต่อไปถ้าลูกไม่ยอมเล่า ก็ไม่เป็นไร เพียงแต่บอกว่า แม่พร้อมที่จะให้ความช่วยเหลือ เป็นที่ปรึกษาให้เสมอในทุกเรื่อง ถ้าลูกอยากแก้ปัญหาด้วยตัวเองก่อนก็ไม่เป็นไร แต่จริงๆ แล้วแม่ไม่อยากให้ลูกต้องเผชิญปัญหาตามลำพัง อยากให้มีคนปรึกษาหารือ จะได้ไม่อัดอั้นตันใจ หรือเก็บกด ถ้าแม่พูดแบบนี้ ลูกมักไม่ปิดบัง เพราะเป็นธรรมชาติของคนเราอยู่แล้ว ที่ต้องการระบายความในใจ เพื่อลดความทุกข์ความอึดอัดต่างๆ แต่ถ้าแม่เริ่มด้วยการตำหนิ ติเตียนหรือดุว่าลูก ลูกจะปิดกั้นตัวเองทันที แม้วันหลังมีปัญหา ลูกจะไม่พูดกับแม่อีกสำหรับท่านที่สนใจรู้เรื่องจิตวิทยาวัยรุ่นเพิ่มเติม สามารถหาอ่านได้ในหนังสือ เลี้ยงลูกถูกวิธี ชีวีเป็นสุข ของ ศ.พ.ญ.นงพงา ลิ้มสุวรรณได้ค่ะ ศ.พ.ญ.นงพงา ลิ้มสุวรรณจิตแพทย์เด็กและวัยรุ่น ร.พ.รามาธิบดี หาอ่านได้ที่ http://www.citydd.net
By: care2home