ที่โชว์รูม
Mitsubishi Pajero Sport 2.4 L ..เวอร์ชั่นเบนซินกับสมรรถนะที่คุ้มค่าโดนใจ
เครื่องยนต์เบนซิลขนาด 2.4 ลิตร (เติมน้ำมัน แก็สโสฮอลล์ 91,95,E10,E20)
ยกเอาบล็อก 4G64 MPI ให้กำลังสูงสุด 128 แรงม้า ที่ 5,250 รอบต่อนาที ให้แรงบิดสูงสุด 194 นิวตันเมตรที่ 4,000 รอบต่อนาที
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เมื่อพูดถึงรถยนต์ที่มีการแข่งขันกันสูงแล้ว รถยนต์อเนกประสงค์ถือเป็นตลาดหนึ่งที่มีการขับเคี่ยวกันอย่างมาก โดยเฉพาะเมื่อรถรุ่นนี้อยู่ในกลุ่มรถยนต์ที่ลูกค้าต้องการ ตอบสนองการใช้งานได้หลากหลายมาก ทำให้เป็นที่ต้องการ
ตั้งแต่เปิดตัวออกมา Mitsubishi Pajero Sport ถือเป็นรถยนต์ที่มีการพูดถึงอย่างมาก และเป็นที่ติดตาอย่างรวดเร็ว ด้วยเรือนร่างที่ทำให้ตอบสนองได้มากขึ้น แม้จะเป็นที่รู้กันดีว่ารถคันนี้เป็นรถยนต์ที่พัฒนามาจากรถยนต์กระบะของ Mitsubishi ด้วยการหอบหิ้วเอาโครงสร้างหลักมาใช้ รวมถึงเครื่องยนต์ทรงพลังตอบสนองการขับขี่ แต่เมื่อไม่นานมานี้ Mitsubishi ได้ส่งหัวใจใหม่มาตอบสนองด้วยเครื่องยนต์ขุมพลังเบนซิน
Mitsubishi Pajero Sport 2.4
ภายนอกดูหรู สไตล์เดิม
ใครที่ติดตามอ่าน Sanook! Auto มาเป็นประจำ คงจะทราบกันดีว่า เมื่อช่วงก่อนหน้านี้ทีมงานเราเคยได้ทดสอบ Mitsubishi Pajero Sport ใหม่กันไปแล้ว โดยในงวดนั้นเป็นรุ่นดีเซล 2.5 VG Turbo ที่ทรงสมรรถนะ และกลับครั้งนี้ ในรุ่นเครื่องยนต์เบนซินมันก็มีความแตกต่างบ้าง
เรือนร่างของ Pajero Sport เบนซินใหม่ ถือว่าไม่มีความแตกต่างจากที่เราเคยได้ขับมากนัก ด้วยมิติเรือนร่างที่ให้อารมณ์ความเป็นรถอเนกประสงค์สไตล์หรูขาลุย ที่จับเอาหน้าตาของ Triton มาให้ความลงตัวในการออกแบบ ตั้งแต่ใบหน้า กระจังที่คุ้นหน้าตากันเป็นอย่างดี แต่แม้จะดูคล้ายกัน ก็มีการตัดออพชั่นบางอย่างไปเช่น ราวหลังคารวมถึงสปอร์ยเลอร์หลัง เช่นเดียวกับชุดไฟหน้าแบบ HID พร้อมระบบปรับลำแสงไฟ ระบบควบคุมการเปิดปิด-ไฟหน้าอัตโนมัติ และ ท้ายสุดสวมล้ออัลลอยขนาด 16 นิ้ว จัดมาพร้อมยางขนาด 245/70/16
มิติตัวถังของตัวรถยังคงความยาว 4695 มม. เท่าเดิม เช่นเดียวกับความกว้าง 1818 ม.ม.แต่มีการปรับความสูงให้มีขนาดเพียง 1800 ม.ม. มาพร้อมฐานล้อยาว 2800 ม.ม. เช่นเดียวกับน้ำหนัก ที่เบากว่าเพื่อนในรุ่นเดียวกันทั้งหมดเพียง 1800 ก.ก. เท่านั้น
ภายในยังสบายแต่ไม่เน้นหรูนัก
เข้ามาภายในห้องโดยสาร Mitsubishi Pajero Sport เบนซินมาพร้อมการตอบโจทย์ ด้วยการให้ฟังชั่นใช้งานเป็นสำคัญ แต่ไม่เน้นในเรื่องการตบแต่งให้ความหรูหรามากมายนัก หลายสิ่งถูกตัดออกไป แต่ก็ไม่ได้น่าเกลียดมาก เพราะคุณจะยังพบเบาะ 3 แถว ตอบสนองการใช้งานแบบ 7 ที่นั่งเหมือนเดิม ระบบปรับอากาศตามที่นั่ง ที่สามารถ ที่แอร์ตอนหลัง ยังสามารถเลือกปิดได้ถ้าไม่ได้ใช้งาน ส่วนการตบแต่งเน้นเพียงพอการใช้งานให้เบาะผ้า แต่ยังสามารถปรับสูงต่ำได้ ด้วยอัตโนมือในฝั่งคนขับ เบาะแถว 2 สามารถปรับพับได้ในอัตรา 60/40 และ แถว 3 สามารถพับเก็บได้เรียบ และยังสามารถพับเอนได้ ส่วนความสุนทรีย์ในห้องโดยสาร เป็นหน้าที่เครื่องเสียงซีดี เอ็มพี 3 พร้อมช่อง Aux-in และ ช่องเสียบ USB ให้ลำโพง มา 4 จุด กระหึ่มทั้งคัน
บททดสอบแรกกับการขับขี่ในเมือง
หลังจากไปรับรถทดสอบที่ Mitsubishi สำนักงานใหญ่ที่อยู่เลย ม.ธรรมศาสตร์รังสิตไปเล็กน้อย ก็เป็นครั้งที่ 2 ที่เราได้กลับมาขับขี่รถยนต์ Mitsubishi Pajero Sport อีกครั้ง "อย่าลืมนะเติมเบนซินไม่ใช่ดีเซล" พี่มุ่ยพีอาร์สาวสวยเราย้ำเตือนก่อนที่เราจะรับกุญแจไปเริ่มบททดสอบ คำที่เราต้องจำขึ้นใจในการขับขี่รถรุ่นนี้ เพราะถ้าเติมผิดนี่รับรองว่ามีงานเข้าอย่างแน่นอน
เมื่อขึ้นขับเจ้ารถคันนี้ความชินกับรถตั้งแต่รุ่นดีเซล ทำให้เรารู้สึกคุ้นเคยกับเจ้าเบนซินมากขึ้น บิดกุญแจสตาร์ทเครื่องยนต์บุคคลิกที่แตกต่างของเครื่องยนต์เบนซิน ทำให้รถที่แม้ไม่ได้ดูหรูกลับมีความสุขุมมมากว่าเครื่องดีเซลที่ออกแนวดิบกว่าพอสมควร เสียงเครื่องยนต์ขนาด 2.4 ลิตร ยกเอาบล็อก 4G64 MPI ให้กำลังสูงสุด 128 แรงม้า ที่ 5,250 รอบต่อนาที ให้แรงบิดสูงสุด 194 นิวตันเมตรที่ 4,000 รอบต่อนาที มาประจำการ ถึงกับทำให้เราหลงใหลในรถคันนี้ว่ามันมีความเงียบ จนคุณแทบไม่สังเกตว่ามันทำงาน ถ้าไม่ได้เหลียวไปมองที่วัดรอบ แต่เราลองเปิดประตูฟังข้างนอกก็ถือพอใช้ได้
สิ่งที่หลายคนมองข้ามในรถรุ่นนี้ไปไม่ใช่เรื่องเครื่อง แต่เป็นเรื่องของระบบส่งกำลัง ที่มาพร้อมระบบเกียร์ ธรรมดา 5 สปีด มีอัตราทด ดังนี้ คือ เกียร์1 "3.967" เกียร์2 "2.136" เกียร์3 "1.360" เกียร์ 4 "1.000" และ เกียร์ 5 "0.856" โดยกำลังทั้งหมดส่งลงเฟืองท้ายที่มาพร้อมอัตราทด 4.900 ถือว่าเน้นการตอบสนองชดเชยในรอบต้นที่เครื่องเบนซินอาจจะทำได้ไม่ดีเท่าไรนัก
เราเริ่มขับรถ Pajero Sport 2.4 ไปตามถนนในเมืองผ่านตามสายหลักที่หลายคนไป โดยในระหว่างการขับขี่เรามักพบว่า เจ้าอเนกประสงค์ขุมพลังเบนซินคันนี้ขับง่ายมาก แม้ส่วนหนึ่งจะด้วยประสบการณ์การขับรถเกียร์ธรรมดาของตัวเอง แต่ถ้าใครกลัวว่าคลัทช์จะแข็งต้องออกแรงจนปวดเมื่อยตามข้อก็ต้องคิดใหม่ เพราะ คลัทช์ Pajero Sport นี้เบามา เบาจนแบบว่า คุณจะลืมไปเลยว่าขับเกียร์ธรรมดา ซึ่งเป็นข้อดีที่เด่นชัดมา แต่ต้องยอมรับว่าปัจจุบันหลายคนในบ้านเรากลัวรถเกียร์ธรรมดาด้วยเหตุเกรงว่ามันจะขับยาก นั่นเอง
การขับขี่ในเมืองที่เราได้ใช้เวลาช่วงสั้นๆในการทดสอบเนื่องจากรถคันนี้ไม่ได้เน้นการตอบสนองในเรื่องนี้มากมายนัก เราพบว่า Pajero Sport อาจจะเป็นปัญหาบ้างเรื่องขนาดรถที่ยาว ทำให้การหาที่จอดยากกว่า หรือการขับขี่ในที่แคบจะยากกว่า แต่ก็ไม่น่าแปลกใจเพราะ นี่คือเรื่องปกติของรถอเนกประสงค์
นอกเมืองขับมันส์ จัดเต็มกับทริปเกาะช้าง
ค่ำคืนผ่านไปพร้อมกับ Pajero Sport 2.4 ยังคงอยู่กับเรา และการมีรถอเนกประสงค์เช่นนี้เป้าหมายหลักของใครหลายคน คือการเดินทางท่องเที่ยว ซึ่งเราก็คิดเช่นนั้นเหมือนกัน และมันเป็นที่มาของทริปเที่ยวกันสนุกขำๆ โดยมีปลายทางที่เกาะช้าง
การเดินทางครั้งนี้เรามีผู้โดยสารทั้งสิ้น 6 คน รวมคนขับ เรียกว่าใช้ศักยภาพของรถค่อนข้างเต็มที่ตามที่มันได้ถูกสร้างมาเพื่อตอบสนองด้านนี้โดยเฉพาะ หลายคนคงตั้งคำถามในใจว่าเครื่องยนต์เบนซินจะให้คำตอบเหมือนเครื่องยนต์ดีเซลหรือไม่ แน่นอนว่า สิ่งที่เราอยากจะบอกคือมันไม่เหมือน เพราะด้วยนิสัยของเครื่องยนต์เองที่สามารถตอบสนองในช่วงรอบที่มากกว่าเมื่อเทียบกับดีเซล และแรงบิดสูงสุดอยู่ในรอบกลางไม่ใช่ในรอบต่ำ ทำให้เครื่องยนต์เบนซินเองจะเน้นการขับขี่ในช่วงที่รถลอยตัวหรือล้อหมุนมากกว่า
การเดินทางของเราเริ่มออกจากย่านรามอินทราใช้เส้นทางวงแหวนกาญจนาตะวันออกเข้าสู่บูรพาวิถี ซึ่งเส้นทางเป็นเส้นทางที่หลายคนใช้ และ Pajero Sport 2.4 ก็ตอบสนองได้ดี ส่วนหนึ่งต้องยอมรับบทบาทของระบบเกียร์ธรรมดา 5 สปีด ที่ตอบสนองได้ทันอกทันใจมากกว่า โดยเราได้มีการลองอัตราเร่ง 80-120 ก.ม./ช.ม. พบว่าสามารถทำเวลาได้ 16.6 วินาที ถือว่าไม่ขี้เหล่นัก ในเกียร์ 4 ส่วนเครื่องยนต์เองก็ใช้รอบเครื่องไม่สูงนัก เพราะความเร็วเดินทาง
ที่ 110 ก.ม./ช.ม. ใช้รอบเครื่อง 3050 รอบต่อนาที แต่ถ้าเหยียบเพิ่มไปเป็น 120 ก.ม./ช.ม. เราจะใช้รอบเครื่องถึง 3400 รอบต่อนาทีเลยทีเดียว
ระหว่างทาง Mitsubishi Pajero sport 2.4 เบนซิน ก็ไม่ทำให้เราผิดหวังในเรื่องของอัตราเร่งที่ตอบสนองได้ดี แม้จะไม่ทันใจมากมายนัก แต่ถ้าเป็นช่วงเร่งแซง เจ้าขุมพลัง 2.4 ลิตรไม่เคยทำให้เราผิดหวัง แม้จะไม่ได้เร่งแบบกระชากดึงหลังติดเบาะ แต่ม้า 128 ตัว ก็พารถพุ่งทะยานได้อย่างดีเยี่ยม แม้จะมีบางจังหวะที่อาจจะยืดยาดไปบ้าง แต่เมื่อคุณเข้าสู่ช่วง 3000 รอบต่อนาที ไล่ไปถึง แถว 5250 รอบต่อนาที มันตอบสนองได้อย่างลงตัว
การเดินทางของเราพร้อมผู้โดยสาร 6 คน และสัมภาระเต็มคันรถ คือ บทพิสูจน์ที่ดีของสมรรถนะรถคันนี้ โดยระหว่างทางเราได้ลองทำความเร็วสูงสุดดูกันว่ามันจะทำได้ดีแค่ไหน และเราได้ตัวเลข 176 ก.ม./ช.ม. แต่กว่าจะได้ถึงขนาดนี้ก็ใช้เวลาพอตัว โดยตั้งแต่ 150 ก.ม./ช.ม. ขึ้นมานั้นจะใช้เวลานานสักหน่อย แต่คงไม่ใช่ทุกคนที่จะขับรถเร็วขนาดนั้นเมื่อนั่งกันเต็มคัน
ช่วงล่างวางใจแม้จะนั่งเต็มพิกัด
ในการขับขี่ Mitsubishi Pajero Sport ที่แม้ในคันนี้เครื่องยนต์จะเปลี่ยนไป แต่สิ่งที่ไม่เคยเปลี่ยนเลยคือช่วงล่างที่สามารถวางใจได้ทุกเส้นทาง ทั้งในย่านความเร็วสูง หรือ ย่านความเร็วต่ำ ไม่เว้นกระทั่งทางโค้งที่เราลองจัดเต็มช่วงจากระยองไปตราด ซึ่งมีโค้งมากมาย โดยมากจะเป็นโค้งความเร็วสูง เราเดินทางด้วยความเร็ว 130 ก.ม./ช.ม. เป็นพื้นฐาน แล้วก็ขับเข้าโค้งไปทั้งความเร้วนั้นผลคือ รถมีอาการโยนบ้างเล็กน้อย จากปัจจัยน้ำหนักของคน 6 คน ที่ มีราวๆ 600 ก.ก. บวกเพิ่มเข้ามา ยังไม่รวมสัมภาระ ซึ่งถือว่ามีผลต่อการเข้าโค้งด้วย
การขับขี่ในทางต่างจังหวัด นอกจากโค้งแล้ว สภาวะถนนยังถือเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญ แต่ช่วงล่าง Pajero Sport ก็ให้การตอบสนองที่ดีเยี่ยม ส่วนหนึ่งเราอาจจะต้องยอมรับว่าง ยาง 245/70/R16 ช่วยในการซับแรงกระแทกจากพื้นถนน ได้เป็นอย่างดี แต่ยางแก้มสูงขึ้น ก็น่าจะมีผลต่อการขับขี่บ้าง แต่เรากลับไม่พบว่ามันมีความแตกต่างจนสัมผัสได้
ทดสอบอัตราประหยัด ขับทั้งทริปแค่ 9.4 ก.ม./ลิตร
ในที่สุดเราก้มาถึงบททดสอบสำคัญของยุคน้ำมันแพง นั่นคือเรื่องของอัตราประหยัด ที่เครื่องยนต์ 4G64 Mpi นอกจากจะเหมาะมาติดแก๊สแบบที่หลายคนอาจจะกล่าวเป็นนัยๆเมื่อมองหารถเบนซิน แต่ว่า ขุมพลังตัวนี้ยังสามารถรองรับพลังงานทางเลือก E20 ซึ่งถือว่าเพียงพอต่อการลดรายจ่ายค่าเดินทางได้
ช่วงที่เราเข้าระยองเราได้ลองจับอัตราทดสอบนอกเมืองเพื่อดูความประหยัด ด้วยปัจจัยผู้โดยสาร 6คน พร้อมสัมภาระ เราจับน้ำมันแก๊สโซฮอล 95 E10 ยัดใส่ถังเติมจนตัดเท่านั้นไม่ล้นคอไม่เขย่า เรียกว่าเติมแบบปถุชนเขาทำกัน แล้วขับที่ความเร็วราวๆ 110-130 ก.ม./ช.ม. ก่อนจะไปเติมที่ตราดอีกครั้งเพื่อสรุปยอด ผลคือ เราได้ตัวเลข 8.6 กิโลเมตร/ลิตร ถือว่าไม่กินและไม่ประหยัดเท่าไรนัก แต่ถ้าเทียบกับปัจจัยที่เราขับขี่แล้ว ถือว่าสมน้ำสมเนื้อ
ช่วงการทดสอบนอกเมืองอาจจะว่ามันพอตัว แต่หลังจากที่เรากลับมายังกรุงเทพมหานครแล้ว และก่อนรถคืนเราพบว่า เราเดินทางไปทั้งสิ้น 1014 กิโลเมตร และเราใช้น้ำมันไปเพียง 9.4 กิโลเมตร /ลิตร กับการเดินทางด้วยทริผู้โดยสาร 6 คน ถือว่าค่อนข้างประหยัดพอสมควร เมื่อเทียบกับสภาวะการขับขี่
Mitsubishi Pajero Sport เบนซินใหม่ ถือเป็นรถที่ให้ความแตกต่างอย่างแท้จริง ทั้งยังคุ้มค่าคุ้มราคาจำหน่าย ด้วยสมรรถนะที่เป็นเลิศและความประหยัดที่ลงตัว ซึ่งนี่คือหนึ่งในรถอเนกประสงค์ที่ไม่ควรมองข้าม
บทความที่เกี่ยวข้อง
ทดสอบสมรรถนะรถยนต์รุ่นนี้
สภาพป้ายแดงแล้ว
มาดูหลังจากแต่งหล่อแล้ว
ป้ายแดง เงินสด เมือ 30 สิงหาคม 2556
New Pajero Sport 2012
New Pajero Sport 2.5VG